หลังจากที่ให้สเก็ตช์เชอร์หลายท่านวาดลวดลายส่งผลงานสวยๆ มาอวดกันเยอะแยะมากมาย สเก็ตช์เชอร์สายขี้เกียจแบบผม(ไอสายนี้ควรจะปิดสำนักไปได้แล้วนะ!)จึงขอส่งผลงานบ้างครับเพราะกลัวผู้อ่านหลายท่านจะลืมกันไปเสียก่อนว่าไอหมอนี่มันสเก็ตช์กับเขาด้วย สเก็ตช์ตอนนี้เป็นสเก็ตช์ในช่วงของเทศกาลคริสต์มาสและส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ครับ ขอเล่าเรื่องเรียงตั้งแต่วันแรกเลยนะ
เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองแบบนี้ใครจะไปนอนอยู่บ้านเหงาๆ คนเดียวล่ะครับ มันต้องออกไปเจอเพื่อน!! ผมเลยนัดทานข้าวกินเหล้าเมายา(เกือบจะหล่อละแก!) กันที่ร้านคนรู้จักของเพื่อนผมครับชื่อร้านว่า X Wine Z : Wine Store & Bristro เป็นร้านไวน์ที่มีอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนไว้ให้ลิ้มลองครับ เมนูที่สั่งแต่ละอย่างก็ล้วนน่าทานทั้งนั้น และนี่เป็นเมนูที่นำมาให้ชมกันครับ Pan Fried Salmon with Truffle Cream Sauce …เพราะเมนูอื่นสเก็ตช์ไม่ทัน ซัดกันเหมือนแร้งลง!! ส่วนใครที่อยากไปลองทาน ผมก็ต้องขอบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะได้ทานที่นี้นะครับเพราะว่ามันเจ๊งไปแล้ว!! ไอบ้า! เค้าไม่ได้เจ๊ง!! คือตั้งแต่ปีใหม่ปี 2014 เป็นต้นไปเค้าเปลี่ยนมือเจ้าของครับและจะปรับเปลี่ยนเป็นร้านไวน์เต็มตัว มีการสอนเรื่องไวน์ด้วยนะ ใครสนใจก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมนะครับส่วนผมขอกินลีโอต่อไปละกัน คุ้นลิ้นกว่ากันเยอะ!
แน่นอนว่าตามร้านค้าหรือโรงแรมต่างๆ ก็ต้องมีการประดับประดาเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการเทศกาลที่แสนสุขแบบนี้ด้วย ที่พักผมก็เช่นกันครับ มีการนำต้นคริสต์มาสสีแดง(?) มาตั้งตกแต่งไว้ที่ล็อบบี้ด้วย ไอต้นคริสต์มาสสีแดงนี่ผมว่าไอเดียเค้าเข้าท่ามากครับ คือการเอาใบจากย้อมสีแดงมาเย็บเป็นวงไล่ขนาดตั้งแต่เล็กไปหาใหญ่วางซ้อนๆ กันจากโคนต้นไปจนถึงยอด ประดับดาวที่ปลายยอดและแขวนห้อยลูกบอลสีทองรอบๆ ต้น กลายเป็นต้นคริสต์มาสรูปแบบใหม่ที่ทั้งน่ารักและสวยงามไม่ซ้ำใครน่าสเก็ตช์เป็นที่สุด
ขอคั่นด้วยรูปสเก็ตช์กากๆ ระหว่างการเดินทางกลับบ้านที่เชียงรายหน่อยครับ รูปนี้สเก็ตช์ระหว่างนั่งรอเครื่องบินส่วนตัวมารับที่สนามบินดอนเมืองครับ ระหว่างที่รอขึ้นเครื่องตอน 3 ทุ่ม แน่นอนว่าปีนี้บางกอกก็หนาวไม่แพ้ที่ใดรวมถึงในสนามบินก็เช่นกัน ผมซึ่งเดินทางมาบางกอกแต่ตัวเปล่าไม่มีเสื้อกันหนาวจึงหนาวสั่นไปถึงขั้วหัวใจ (ทำไมไม่ซื้อล่ะ อ้อ! แกตังค์หมดเพราะเอาแต่ซื้อหมึกนี่เอง) จึงขอแก้หนาวด้วยการเลี้ยวเข้าร้านกาแฟเพื่อเติมความอุ่นให้แก่ร่างกายนิดนึง ระหว่างที่ดื่มกาแฟไปรอเครื่องบินไปผมก็นึกครึ้มว่าไหนๆ เราก็ได้แก้วกาแฟกระดาษมาแล้ว ขอลองสเก็ตช์ภาพบนแก้วดูหน่อยละกัน ผมก็ลงมือสเก็ตช์ๆๆ แล้วลงสีน้ำดูครับ ถึงแม้ว่าจะวาดยากเพราะมันโค้งๆ แล้วปากกาก็ไม่ค่อยติดแต่ว่าสนุกมากมายเลยครับ! การได้เห็นผลงานของเราปรากฎอยู่บนพื้นที่รูปแบบอื่นบ้างมันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ทีเดียวครับ
ออกจากร้านกาแฟแล้วก็ย้ายมารอเครื่องบินที่หน้าเกทเพราะจวนได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว วันก่อนได้อ่านเรื่องราวของสเก็ตช์เชอร์ท่านนึงและเธอใช้ปากกา Sharpie ในการสเก็ตช์ ผมเลยลองหามาสเก็ตช์บ้างและนี่ก็เป็นผลงานจากปากกาด้ามนี้ครับ ผมไม่ค่อยชอบสัมผัสของหัวปากกาเวลาลงเส้นเท่าไหร่จึงทำให้วาดออกมาได้ไม่สวยเลยครับ…ขอโทษครับอันที่จริงฝีมือวาดคนของผมกากเองแหละ -.,- ปากกาด้ามนี้ออกไปในแนวปากกาเขียนแผ่นซีดีครับเรื่องกันน้ำจึงหายห่วง ส่วนนายแบบและนางแบบในภาพนี้เป็นคู่แต่งงานชาวต่างชาติและคนไทยครับ นั่งรอเครื่องบินนานทีเดียวตั้งแต่ก่อนผมขึ้นเครื่องจนผมขึ้นเครื่องแล้วเที่ยวบินของพวกเค้ายังไม่มาเลยครับ นี่แหละนะความแตกต่างระหว่างคนธรรมดาและคนที่มีเครื่องบินส่วนตัว วะ ฮ่า ฮ่า!! (ไอบ้า! แกได้ตั๋วลดราคา 900 บาทอย่ามาทำเป็นคุย!!)
หน้าหนาวปีนี้เป็นปีที่หนาวจัดมากครับ บ้านผมที่เชียงรายก็หนาวไม่แพ้ที่ใดเหมือนกันเพราะตั้งอยู่บนดอย เตาผิงที่บ้านที่ไม่ได้จุดมาหลายปีมาถึงปีนี้เลยได้ทำงานกันเต็มที่ครับ พ่อขับรถไปขนฝืนจากที่อื่น(คงไม่ได้ขโมยมาหรอกนะ…)แล้วก็เอามาเลื่อยกันที่สนามหญ้าหน้าบ้านเป็นท่อนขนาดเหมาะมือเตรียมไว้สำหรับตอนกลางคืน จนเมื่อพระอาทิตย์ตกดินอากาศหนาวก็พัดผ่านเข้ามาแทนที่ เราจึงเริ่มจุดเตาผิงกันเพื่อให้คลายหนาว ห้องรับแขกคืนนั้นอบอุ่นขึ้นจริงๆ ครับ พ่อ แม่ ลูก นั่งพร้อมหน้ากันหน้าเตาผิง อ่านหนังสือ ดูทีวี ส่วนตัวผมก็นั่งสเก็ตช์ ทั้งอุ่นกายและอบอุ่นหัวใจเป็นที่สุด
และแล้วก็ต้องเดินทางกลับมาทำงานต่อที่บางกอกครับ ใจจริงอยากอยู่ต่อนะแต่ด้วยภาระหน้าที่ต้องทำงานทำให้ต้องกลับมาโดยเร็ว วันนี้ต้องไปรับเพื่อนตอนหัวค่ำที่เพิ่งกลับมาจากบ้านของเธอในจังหวัดลำปางครับ วันนั้นทั้งวันผมยังไม่ได้ทานข้าว ผมจึงออกไปเดินห้างใกล้บ้านเพื่อหาอะไรใส่ท้องเสียหน่อย ระหว่างที่รอจะเดินทางไปรับที่สนามบินนั้นผมจึงเข้าร้านอาหารร้านโปรดของบางกอกครับ นั่นก็คือ ร้านข้าวหน้าเนื้อโยชิโนยะ ที่ผมเรียกได้ว่าเสพติดเข้าเส้น! เมนูที่ผมสั่งทุกครั้งเพราะว่าอร่อยล้ำเลิศที่สุดในโลกาก็คือ ข้าวหน้าเนื้อรสเผ็ดและซุปสาหร่ายวากาเมะ รสเผ็ดอ่อนๆ ของเนื้ออันแสนนุ่มวางแผ่บนข้าวหอมญี่ปุ่นร้อนๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับซุปสาหร่ายวากาเมะที่ส่งไออุ่นหอมขึ้นไปในอากาศ ยกซดทีไรก็อร่อยหอมชื่นใจคลายหนาวได้ดีทีเดียว แก้เลี่ยนนิดๆ ด้วยขิงดองที่มีให้เติมแบบไม่อั้น นี่แหละครับคือเมนูสุดอร่อยประจำตัวผมเลยล่ะ …ผมใช้เวลาสเก็ตช์ไปประมาณ 20 นาที ไอข้าวและซุปที่ร้อนๆ หอมๆ ก็หายร้อนหมดแล้วล่ะครับ!! พนักงานในร้านก็มามองกันว่าไอบ้านี่ทำอะไรทำไมไม่กินๆ แล้วออกไปจากร้านไปเสียที เปลืองโต๊ะ! โว๊ะ!
นี่แหละครับเป็นเรื่องราวในช่วงคริสมาสต์และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา ถึงแม้ผมจะไม่ได้บันทึกเรื่องราวเป็นตัวอักษรบนไดอารี่ แต่ภาพสเก็ตช์แต่ละภาพนั้นบอกเล่าเรื่องราวอยู่ในตัวมันเองครับ ถึงจะผ่านปีใหม่มาหลายวันแล้วแต่เมื่อใดที่ผมหยิบสมุดขึ้นมาสเก็ตช์ ก็จะต้องหยุดดูรูปเหล่านี้ก่อนในทุกครั้งไป ภาพอาหาร ภาพต้นคริสต์มาส หรือว่าภาพเตาผิง ทุกภาพล้วนให้ความสุข ความสนุก และความอบอุ่นแก่หัวใจในวันที่เหนื่อยล้าจากการทำงานได้ดีเสียจริง
…สวัสดีปีใหม่ครับ
อุปกรณ์ที่ใช้
- ปากกา Lamy Safari EF nib, Sharpie
- หมึก Platinum Carbon Black
- สมุด Monologue Soft Sketch Book, Moleskine Watercolor
- สีน้ำ Winsor & Newton Cotman Sketchers’ Pocket Box
- พู่กัน Escoda Reserva Kolinsky-Tajmyr Sable Round Travel Brush, Pentel Waterbrush
รูปแรกแครอทอยู่บนแซลมอนมะใช่หราาาา
นี่คือสถานแห่งบ้านทรายทอง ที่ชั้นปองมาสู่
น่ารักทุกรูป ชอบๆค่ะ
ในที่สุดท่านเจ้าสำนักก็คลอดผลงานชุดใหม่…ชอบทั้งรูปและเรื่องเลยครับ…
อย่าแซวน้องอย่าแซว
อย่าแซวน้องอย่าแซว
ท๊อปจะหิ้วชะลอมแล้วย้ายเข้าบ้านผมจริงๆ เหรอ?
ขอบคุณคร้าาาบบบ
ขอบคุณคร้าาาบบบ
ขอบคุณครับ หลังจากที่อู้มานานนนนนนน
แต่ละรูปมีชีวิตชีวามากครับ ^^ (ชอบที่วาดบนแก้วกระดาษมาก เดี๋ยวลองมั่ง555)
ขอบคุณครับ คราวหน้ากะว่าจะลองสเก็ตช์บนโต๊ะร้านกาแฟมั่งครับ น่าสนุกนะ #เดี๋ยวนะ
เชรดด ต้องเอาแซลมอนไปประชันน! 55
มาสิๆ รอชมอยู่ครับ
BBBlog – All About Lamy, Moleskine and Inks คือผมลืมไปหมดแล้วว่าส่งอันไหนไปบ้างละ =_=" ยังมีค้างอยู่มั้ยอ่ะ