ทริปเชียงใหม่(10)…โรงแรมที่สามที่ไปพักทริปนี้เป็นที่ที่ชอบที่สุด..และแพงที่สุด..ราคาต่อคืนเกินมาตรฐานหลายเท่าตัวที่ตัวเองจะจ่ายตามงบของที่พักในการท่องเที่ยวส่วนตัวปกติ..แต่ขอกระแดะไปพักเพราะความจำเป็นทางวิชาชีพ(สถาปนิก)..อาชีพนี้จำเป็นต้องพาตัวเองไปรสนิยมทั้งสูงและต่ำ..ในการนอนดื่มกิน เพื่อมาเติมฝันในโครงการของลูกค้า อนาคต…เรียกให้ดูดีมีวิชาการส่วนตัวมักคิดว่าเราจ่ายเพื่อเป็นการ R&D ในประสบกาณ์เราเอง..อิอิ..
ตัวโรงแรมมีดียังงัยขอมารีวิวในรูปหน้า..ภาพนี้เป็นการวาดสามล้อที่จอดเป็นพร๊อพหน้าโรงแรม..ให้เข้ากับตีมทั้งสีรูปทรง สมัย สะท้อนแนวการตกแต่ง…ดูเผินเผินเหมือนเราย้อนอดีต..แต่แอบมีความเป็นแบรนด์ใส่เข้ามาไม่น้อย..สังเกตุว่าโรงแรมฮิปฮิปต่างก็มีการจัดหารถตามแนวตัวเองมาจอดหน้าโรงแรมเป็นพร๊อพ..ใครที่กำลังทำธุรกิจ..อย่าลืมมองหายานพาหนะกิ๊บเก๋เข้ากับตีมมาจอดไว้ตามเทรนด์ตามหน้าร้านมั่งก็ไม่เลวนะครับ..
ทริปเชียงใหม่(11)..ไปเชียงใหม่ครานี้..เป็นช่วงสุดสัปดาห์..ในการออกตระเวณท่องเที่ยวนั้นค่อนข้างจะต้องรับกลับที่พักก่อนสองทุ่มครึ่งทุกวัน..เพราะว่ามีนัดต้องเข้าเฝ้า คุณชายรณพีร์ กำลังเข้มข้น..เพราะเพียงขวัญนางเอกตามท้องเรื่องเพิ่งรู้ความจริงว่า ตาพระเอกเป็นหม่อมราชวงศ์ ประมาณเจ้าชายอาศัยอยู่ใน..วังจุฑาเทพ…นางเอกเอ่ยปนน้ำตาหลังทราบความจริงว่า… “วังนี้สง่างามมากไม่รู้ว่าทำงานทั้งชีวิตจะซื้อของตกแต่งซักห้องนึงได้หรือไม่” … ที่เกริ่นมาเพราะว่าที่พักแห่งที่สามนามว่า “137 Pillar house” http://137pillarshouse.com/
หลังจากเข้าไปเช็คอินต้องยอมรับว่า…ออกแบบและตกแต่งได้สง่างาม ประณีตไม่แพ้วังจุฑาเทพ…มีห้องพักเพียง36ห้องบนพื้นที่ดินเกือบสิบไร่(จากการกะด้วยประสบการณ์การเป็นนักSketchers มาระยะหนึ่ง)ทำเลกลางย่านเมืองเก่าเชียงใหม่แถวริมปิง..รายละเอียดโรงแรมยังมีSketch อีกหลายมุม..เก็บไว้มาต่อคราวหน้านะครับ..
ทริปเชียงใหม่(12) ยังคงเพลินใจที่..137 Pillar House..หลังจากได้พักไปหนึ่งคืน..เพื่อนร่วมทริปทุกคนพูดเห็นเสียงเดียวตอนอาหารเช้าว่า..ประทับใจมากโดยเฉพาะเซียนท่องเที่ยวระดับตำนานถึงกับเอ่ยปากว่า เป็นโรงแรมในส่วนของห้องพักและบรรยากาศที่ดีที่สุดที่เคยไปพักมา…บ่องตง ไม่ได้มีการสปอนเซอร์อะไร..จากโรงแรมเลย….แต่เห็นด้วยว่าที่นี่ทำให้รู้สึกว่าการพักผ่อนแบบหรูหรามันเป็นอย่างนี้นี่เอง..ความหรูหราที่สัมผัสได้ของที่นี่ไม่ได้เกิดจากการใช้วัสดุราคาแพงหรือตกแต่งด้วยงานศิลปะล้ำค่าเลย….กลับเป็นการผสมผสามลงตัวระหว่าง เรื่องราว งานออกแบบ และ ธรรมชาติ…
เรื่องราว..เค้าสร้างตำนานจากการย้ายเรือนไม้สักเก่าหลังเขื่องมาสร้างใหม่ณ.ที่แห่งนี้เป็น Signature โดยเข้าใจว่าบ้านนี้มีต้นซุงเป็นเสาเรือนนับได้137ต้นเลยเป็นที่มาของชื่อ (Pillas แปลว่าเสา)โดยเอาตำนานของการลากซุงโดยช้างสมัยยุคการทำสัมปทานไม้สักรุ่งเรืองเข้ามาเป็นตีมตกแต่งภายในห้อง..อย่างแนบเนียน..
ส่วนการออกแแบก็ยังได้อานิสงค์ของตำนานมากำหนดเป็นรูปแบบอาคารจากการที่บริษัทฝรั่งที่ชื่อว่า บริษัท บอเนียว ชื่อคุ้นคุ้นมะ? มาสัมปทานไม้ในยุคนั้น เลยเกิดเป็นลูกผสมระหว่าง ฝรั่งกับเชียงใหม่..กลายเป็นสถาปัตยกรรม ทรง “โคโลเนียล ลานนา” ที่ยังมีหลักฐานอาคารเก่ารอบรอบที่ตั้งโรงแรม ซึ่งแต่ละห้องก็ตกแต่งเหมือนจำลอง ห้องของนายฝรั่งสมัยนั้น…เสียดายไม่รู้ล่วงหน้า..ไม่งั้นจะพกไปส์กับบรั่นดีไปด้วย.รับรองเนียนนน..เป็นอันว่าคืนนั้น..สวมบทเจ้านายฝรั่งนอนบนเตียงอันแสนนุ่ม..ชงชาชั้นดีที่แถมไม่อั้น…ลุ้นคุณชายรณพีร์ต่อไปว่าจะเอาชนะใจนางเอกได้หรือไม่….ไม่ทันหนังจะจบ..เตียงชั้นดีกลับออกฤทธิ์มากกว่าคาเฟอีนของชาชั้นดี..ทำให้เข้าเฝ้าพระอินทร์เร็วกว่าที่ตั้งใจ..ZZZZ…
6.30น.เสียงนกร้องตอนเช้าดังแว่วแว่วเข้ามาในห้องนอนแทนเสียง ringtone เตือนปลุกของโทรศัพท์..ลุกจากเตียง..คว้าสมุดเสก๊ตกับอุปกรณ์..ออกไปที่เฉลียงมุข แปดเหลี่ยม..หลังห้องที่โอบล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่และสมบูรณ์มากกก..อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับทวดเราแต่ละต้นถ้าจะบอกขนาดต้องใช้หน่วยเป็นคนโอบ…. แสงแดดอ่อนมาขับภาพให้น่ามองเข้าไปอีกทนไม่ไหวจับโอโซนมาผสมสีน้ำระบายบรรยากาศ…โอว์เพิ่งรู้ว่าชีวิตการเป็นนายฝรั่งสมัยก่อน..มันหรอยแบบนี้เอง…..ถึงว่าฝรั่งหลายคนถึงกับเปลี่ยนใจตั้งรกรากที่นี่ไม่ยอมกลับบ้านเกิด…Boss อยากเป็น “ป้อเลี้ยง” 555…
เทคนิค..ลามี่ safari, noodlers ink, watercolor บนสมุด Sketch Zequenz